พัฒนาการทางด้านสังคม วัฒนธรรม
สมัยอยุธยา
สภาพสังคมในสมัยอยุธยา เป็นแบบระบบศักดินา ซึ่งจะเป็นตัวแบ่งสิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบของคนในสังคม ผู้ที่มีศักดินาสูงก็จะมีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบสูง ผู้ที่มีศักดินาต่ำก็จะมีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบน้อยลดหลั่นกันตามศักดินาที่ได้รับ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้พระราชทานศักดินาให้แก่เจ้านาย ขุนนาง และราษฎร
กลุ่มคนในสังคมอยุธยาแบ่งได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
- ชนชั้นผู้ปกครอง
- พระมหากษัตริย์ เป็นประมุขสูงสุดของอาณาจักร
- เจ้านาย เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์
- ขุนนาง เป็นบุคคลที่ถวายตัวเข้ารับราชการ มีหน้าที่ช่วยพระมหากษัตริย์ดูแลปกครองบ้านเมือง
- ชนชั้นผู้ถูกปกครอง ไพร่ หมายถึง ราษฎรทั่วไป เป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมากที่สุดในสังคม ไพร่ที่เป็นชายต้องขึ้นสังกัดมูลนายตามกรมกองแห่งใดแห่งหนึ่ง และมีหน้าที่รับใช้บ้านเมือง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ไพร่หลวง คือ ชายฉกรรจ์ที่สังกัดอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ มีหน้าที่ทำงานรับใช้บ้านเมืองปีละ 6 เดือน ไพร่หลวงจะถูกเกณฑ์แรงงานมาทำงานต่าง ๆ เช่น สร้างวัด สร้างวัง ป้อมปราการ และถูกเกณฑ์ไปรบยามเกิดสงคราม
- ไพร่สม เป็นไพร่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่มูลนายตามศักดินา เมื่อเกิดศึกสงครามก็ถูกเกณฑ์ไปรบ
- ไพร่ส่วย เป็นไพร่หลวงที่ส่งสิ่งของมาแทนการถูกเกณฑ์แรงงาน สิ่งของที่ไพร่ส่วยส่งมาส่วนใหญ่เป็นสิ่งของสำคัญ เช่น มูลค้างคาว ดีบุก ของป่า เป็นต้น
- ทาส เป็นคนที่ขาดสิทธิในแรงงานและชีวิต ไม่มีอิสระในการทำสิ่งใดต้องทำงานตามที่นายเงินสั่ง
กลุ่มบุคคลในสถาบันศาสนา ได้แก่ กลุ่มพระสงฆ์ เป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปกครองบ้านเมืองโดยตรง อาจถือได้ว่า พระสงฆ์มีสถานภาพใกล้เคียงกับชนชั้นมูลนาย เพราะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์แรงงานและการเสียภาษีให้แก่รัฐ พระสงฆ์ได้รับการยกย้องให้เป็นผู้นำและเป็นที่พึ่งทางใจของชุมชน และมีบทบาทเชื่อมประสานระหว่างชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ประวัติศาสตร์
ชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น